เด็กปฐมวัยเป็นช่วงวัยที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ในการอบรมเลี้ยงดูควรให้ความสนใจและให้ความสำคัญ เพราะเป็นช่วงวัยที่มีความสำคัญที่สุด
ต่อการวางรากฐานของชีวิตมนุษย์
เป็นวัยแห่งการก่อเกิดพื้นฐานด้านบุคลิกภาพ
ลักษณะนิสัย
ความสามารถทางสติปัญญา และความสามารถด้านต่าง ๆ
การเข้าใจธรรมชาติและการเรียนรู้
1.
ลักษณะของการยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง
2.
มีความสามารถในขอบเขตจำกัดและแตกต่างกัน
3.
ต้องการการเอาใจใส่ดูแลทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
4.
เป็นวัยที่ชอบอิสระ
5.
ชอบแสดงออกและต้องการการยอมรับ
6.
ชอบเล่น
7.
มีช่วงความสนใจสั้น
เด็ก ๆ มีธรรมชาติต่างกัน
- บางคนเหมือน
รถเข็น จำต้องมีคนคอยเข็ญจึงจะเคลื่อน
- บางคนเหมือน
เรือแคนู
จำต้องมีคนพาย
- บางคนเหมือน
ว่าว ถ้าไม่มีคนถือสายป่าย ก็จะลอยจากไป
- บางคนเหมือน
ลูกแมว จะพอใจยิ่งขึ้นถ้าได้รับการลูบไล้
- บางคนเหมือน
รถลาก จะใช้ประโยชน์ไม่ได้นอกเสียจากจะมีการลาก
- บางคนเหมือน
ลูกบอลลูน อัดแน่นด้วยลม และคอยแต่จะลอยขึ้น
*** นอกจากว่าจะมีผู้คอยจัดการอย่างระมัดระวังบ้างก็คอยแต่จะพึ่งพาผู้อื่น
และร่วมมือไปหมดทุกอย่าง***
การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
ลักษณะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
1.
การเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง การเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง
เป็นการเรียนรู้ที่เด็กได้พบหรือสัมผัสกับประสบการณ์
จากสภาพแวดล้อมโดยการกระทำ
การรับรู้ การพบเห็นด้วยตนเอง
2.
การเรียนรู้จากประสบการณ์ทางอ้อม การเรียนรู้จากประสบการณ์
ทางอ้อม
เป็นการเรียนรู้จากการบอกเล่าของบุคคลต่าง ๆ คนใกล้ชิด
ญาติผู้ใหญ่ หรือจากหนังสือ
การสังเกตจากตัวแบบ การเลียนแบบ
การบอกเล่าให้ฟังจะทำให้เด็กสร้างภาพขึ้นในสมองของตนแทนการเห็นของจริง
การเรียนรู้เป็นกระบวนการซึ่งมีขึ้นตอน
ดังนี้
1.
มีสิ่งเร้ามาเร้าผู้เรียน
2.
ผู้เรียนรับรู้สิ่งเร้า
3.
ผู้เรียนแปลความหมายของสิ่งเร้าที่รับรู้
4.
ผู้เรียนมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งเร้าตามที่รับรู้และแปลความหมาย
5.
ผู้เรียนสังเกตผลที่เกิดขึ้น
การจำแนกลักษณะการเรียนรู้ของเด็ก
ลักษณะที่ 1
การเรียนรู้โดยสัญชาตญาณ
ลักษณะที่ 2
เป็นการเรียนรู้จากการช่วยเหลือจากพ่อแม่
ลักษณะที่ 3
การเรียนรู้จากโปรแกรมการพัฒนาพฤติกรรมอย่างมีระบบ
รูปแบบการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
1.
การเรียนรู้โดยใช้ความสามารถในการใช้สายตา เป็นการเรียนรู้ที่เด็กสามารถเปรียบเทียบด้วยสายตา
ด้วยการมองเห็นความต่างความเหมือน สี ขนาด รูปร่าง
และเป็นการเรียนรู้ที่เกิดจากการทำงานประสานสัมพันธ์ของสายตาและกล้ามเนื้อมือ
2.
การเรียนรู้โดยการได้ยินได้ฟัง จากการได้ยินได้ฟังเสียงจากที่ต่างๆ หรือจากบุคคล
เด็กจะสามารถรู้ที่มาของเสียง สามารถแยกความเหมือนความต่างของเสียงได้
3.
การเรียนรู้โดยการใช้ส่วนต่างๆ ของร่างกาย ในการเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ของกล้ามเนื้อ
กระบวนการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
การเรียนรู้เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นตลอดเวลาในช่วงชีวิตของแต่ละคนและช่วงปฐมวัยเป็นช่วงที่มนุษย์สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆได้ดีพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กสามารถพัฒนาได้สูงสุด
เป็นโอกาสทองของการเรียนรู้ของมนุษย์
และเป็นช่วงวัยที่สมองกำลังไวต่อสิ่งกระตุ้น
(Sensitive)เมื่อเด็กอายุมากขึ้นเด็กจะมีพัฒนาการในการเรียนรู้เพิ่มขึ้นด้วยโดยเด็กปฐมวัยที่มีอายุ 3 - 6 ปีจะมีวิธีเรียนรู้ที่ซับซ้อนมากขึ้นกว่ากลุ่มอายุ 2
- 3 ปี สังเกตได้จากการสัมผัสสิ่งต่างๆแล้ว เด็กใช้การคิด การจินตนาการ การค้นคว้าและลงมือปฏิบัติเพื่อค้นหาสิ่งที่ตนอยากเห็นอยากรู้
ทักษะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
1.
ทักษะการเรียนรู้ของเด็กอายุ 2-3 ปี
•มีปฏิกิริยาโต้ตอบง่าย ๆ ได้
•ดูหนังสือภาพแล้วเรียกชื่อสิ่งที่ดูหรือเห็นจากภาพได้
•จับคู่สิ่งของได้ โดยรู้ความสัมพันธ์กัน
•เริ่มเรียนรู้ขนาดใหญ่-เล็ก
•จับภาพหน้าตาส่วนต่าง ๆ ของตนได้
(ภาพหรือส่องกระจก)
•บอกได้ว่ากำลังทำอะไรอยู่
2.
ทักษะการเรียนรู้ของเด็กอายุ 3-4 ปี
•สามารถจำสี จับคู่สีเหมือนกันได้มากกว่า 3
สี
•
สามารถเข้าใจเปรียบเทียบขนาด
ใหญ่ กลาง เล็กได้
•
วาดภาพอย่างมีความหมาย
และบอกชื่อภาพได้
•
ชอบซักถามว่า
ทำไม . . . .
•
บอกชื่อ-นามสกุลได้
เมื่อได้รับการสอนให้จำ
•มีความสนใจช่วงระยะสั้น ๆ
พยายามเรียนรู้และเข้าใจสิ่งที่ผู้ใหญ่บอก/สอน และอาจหยุดความสนใจได้ง่าย ๆ
3.ทักษะการเรียนรู้ของเด็กอายุ
4-5 ปี
•สามารถพูดตามเป็นคำสัมผัส ท่องคำสัมผัส
และสนุกกับคำที่ออกเสียงซ้ำๆ
สัมผัสเสียงและจังหวะ
•ชี้บอกชื่อสีได้ตั้งแต่ 4-6 สี
•
จับคู่สิ่งของที่ใช้ด้วยกัน
หรือสิ่งของประเภทเดียวกันได้
•วาดภาพคนโดยมีส่วนต่าง ๆ ของคน ตั้งแต่
2-6 ส่วน
•และเปรียบเทียบส่วนต่าง
ๆของร่างกายได้
•วาดภาพและบอกชื่อภาพที่วาดได้
•
บอกชื่อสถานที่ที่บ้านตนตั้งอยู่ได้
4.ทักษะการเรียนรู้ของเด็กอายุ
5-6 ปี
•
สามารถเล่าทวนเรื่องที่ได้ยินให้ฟังได้
•
ออกชื่อตัวพยัญชนะ
ตัวเลขที่ตนจำได้ อ่านได้
•
นับเลข
เข้าใจความหมาย สัญลักษณ์ตัวเลขถึง 10
•จัดประเภท
แยกสิ่งของที่มีคุณลักษณะแตกต่างกันได้
•รู้จักความหมายของการบอกเวลาได้ชัดเจนถูกต้อง
เช่น เมื่อวานนี้
วันนี้
พรุ่งนี้
•
จับอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือได้ถนัด
•
มีความสนใจมากขึ้น
อดทนเพราะอยากรู้จริง
•มีความเข้าใจในความคิดรวบยอดดี
เข้าใจเหตุการณ์ เหตุ และผล
ของสิ่งที่เกิดขึ้นได้
แนวคิดของการเรียนรู้
การเรียนรู้
กระบวนการที่ทำให้คนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
ความคิด คนสามารถเรียนได้จากการได้ยินการสัมผัส
การอ่าน การใช้เทคโนโลยี
การเรียนรู้ของเด็กและผู้ใหญ่จะต่างกัน
เด็กจะเรียนรู้ด้วยการเรียนในห้อง การซักถาม
ผู้ใหญ่มักเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ที่มีอยู่
1.การเรียนรู้ตามทฤษฎีของ
BLOOM
(BLOOM'S TAXONOMY)
Bloom ได้แบ่งการเรียนรู้ออกเป็น
6 ระดับ ประกอบด้วย
1.ความจำ
(knowledge)
2.การประยุกต์
(Application)
3.ความเข้าใจ
(Comprehend)
ซึ่งเป็นระดับล่างสุด
4.การสังเคราะห์
(Synthesis)
5.การวิเคราะห์
( Analysis)
สามารถแก้ปัญหา
ตรวจสอบได้ สามารถนำส่วนต่าง
ๆ มาประกอบเป็นรูปแบบใหม่ได้ ให้แตกต่างจากรูปเดิม
6.การประเมินค่า
(Evaluation)
สามารถวัดได้ เน้นโครงสร้างใหม่ และตัดสินได้ว่าอะไรถูกหรือผิด
2.การเรียนรู้ตามทฤษฎีของเมเยอร์ (MAYOR)
ในการออกแบบสื่อการเรียนการสอน
การวิเคราะห์มีความจำเป็นและเป็นสิ่งสำคัญ
และตามด้วยจุดประสงค์ของการเรียน โดยแบ่งออกเป็น
3 ส่วนย่อย ๆ ด้วยกัน ประกอบด้วย
1. พฤติกรรมควรชี้ชัดและสังเกตได้
2.
เงื่อนไขพฤติกรรมสำเร็จได้ควรมีเงื่อนไขในการช่วยเหลือ
3. มาตรฐาน
พฤติกรรมที่ได้นั้นสามารถอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด
3.การเรียนรู้ตามทฤษฎีของบรูเนอร์
(BRUNER)
1.
ความรู้ถูกสร้างหรือหล่อหลอมโดยประสบการณ์
2.
ผู้เรียนมีบทบาทรับผิดชอบในการเรียน
3.
ผู้เรียนเป็นผู้สร้างความหมายขึ้นมาจากแง่มุมต่าง ๆ
4.
ผู้เรียนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นจริง
5.
ผู้เรียนเลือกเนื้อหาและกิจกรรมเอง ซึ่งเนื้อหาควรถูกสร้างในภาพรวม
4.การเรียนรู้ตามทฤษฎีของไทเลอร์
(TYLOR)
1. ความต่อเนื่อง (continuity)
2. การจัดช่วงลำดับ (sequence)
3. บูรณาการ (integration)
5.
ทฤษฎีการเรียนรู้ 8 ขั้น ของกาเย่ (GAGNE)
1.
การจูงใจ (Motivation Phase)
2.
การรับรู้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ (Apprehending
Phase)
3.
การปรุงแต่งสิ่งที่รับรู้ไว้เป็นความจำ ( Acquisition
Phase)
4.
ความสามารถในการจำ (Retention Phase)
5.
ความสามารถในการระลึกถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปแล้ว (Recall
Phase)
6.
การนำไปประยุกต์ใช้กับสิ่งที่เรียนรู้ไปแล้ว (Generalization
Phase)
7.
การแสดงออกพฤติกรรมที่เรียนรู้ ( Performance
Phase)
8.
การแสดงผลการเรียนรู้กลับไปยังผู้เรียน (Feedback
Phase)
พัฒนาการของเด็กปฐมวัย
เด็กปฐมวัย
เป็นวัยพื้นฐานในการเตรียมความพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่การพัฒนาของชีวิต
เด็กจะเริ่มพัฒนาลักษณะความเป็นตัวของตัวเอง
ให้ความสนใจในสิ่งรอบตัว และชอบตั้งคำถามในเรื่องต่าง ๆ
เด็กจะพยายามและต้องการช่วยเหลือตนเอง
ลักษณะของพัฒนาการ
•
การพัฒนาจะมีทิศทางของพัฒนาการที่แน่นอน
•พัฒนาการเริ่มจากส่วนบนไปสู่ส่วนล่าง (Cephalo -
caudal direction)
•พัฒนาการเริ่มจากแกนกลางของลำตัว
ไปสู่อวัยวะส่วนข้างที่ไกล
ออกไป(Proximo distal
direction)
•พัฒนาการจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีแบบแผนและเป็นขั้นตอนไม่มี
การข้ามขั้น
•อัตราพัฒนาการของเด็กแต่ละคนจะแตกต่างกัน
•ความก้าวหน้าของพัฒนาการ
•พัฒนาการจะมีความสัมพันธ์กัน
•พัฒนาการส่วนต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้นของร่างกายมีอัตราในการพัฒนาไม่
เท่ากัน
•พัฒนาการของเด็กแต่ละวัยจะมีลักษณะเฉพาะ
•พัฒนาการของมนุษย์มีความแตกต่างกัน
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการเด็กปฐมวัย
•บุคคลภายในครอบครัว
บุคคลภายในครอบครัว ประกอบด้วยพ่อ
แม่พี่น้อง หรือญาติใกล้ชิดที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
•บุคคลภายนอกครอบครัว
บุคคลภายนอกครอบครัว ประกอบด้วยผู้ดูแลเด็ก ครู เพื่อน ๆ
ตลอดจนอิทธิพลของสังคมโดยผ่านสื่อต่างๆ
•อาหาร
•
อากาศที่บริสุทธิ์และแสงแดด
•
เชื้อชาติ
•
เพศ
•
ต่อมต่าง
ๆ ของร่างกาย
•
สติปัญญา
•การบาดเจ็บและโรคภัยไข้เจ็บ
•ตำแหน่งในครอบครัว
การจัดกิจกรรมการเล่นสำหรับเด็กปฐมวัย
ลักษณะพฤติกรรมการเล่นของเด็กปฐมวัย
•
พฤติกรรมการเล่นของเด็กวัย
0 – 1 ปี เด็กวัยนี้ในช่วงแรเกิด-3เดือน
จะยังไม่สนใจกับการเล่นมากนัก
แต่เด็กจะเริ่มพัฒนาประสาทสัมผัส
การมองเห็นและได้ยิน
การแขวนของเล่นที่สดใสที่แกว่งไกวแล้วมี
เสียงกรุ๋งกริ๋งช่วยให้เด็กกรอกสายตา
ฝึกการมองเห็นและการฟังได้
สังเกตความเคลื่อนไหว
•
พฤติกรรมการเล่นของเด็กวัย
1 - 2 ปี ปีเด็กวัยนี้เริ่มเดินได้เองบ้าง
แม้จะไม่มั่นคงนัก
แต่ก็ชอบเกาะเครื่องเรือนเดินจากที่หนึ่งไปยังอีกที
หนึ่งทำให้ได้เรียนรู้ถึงระยะทาง
และฝึกการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อ
ต่างๆ
•
พฤติกรรการเล่นของเด็กวัย
2 - 4 ปี เด็กวัยนี้อยากรู้อยากเห็นทุกสิ่ง
ทุกอย่าง
เด็กเคลื่อนไหวได้คล่องขึ้น และทรงตัวได้ดี เพราะกล้าม
เนื้อแขนขาแข็งแรงมากขึ้น
ทำให้ชอบเล่นที่ออกแรงมากๆ
•พฤติกรรมการเล่นของเด็กวัย 4-6 ปี
เด็กวัยนี้มีความพร้อมในด้าน
ต่างๆ มากขึ้น
มีการเคลื่อนไหวของร่างกายคล่องแคล่วขึ้นชอบเล่น
กลางแจ้งกับเครื่องเล่นสนาม
การจัดกิจกรรมการเล่นที่เหมาะสมกับเด็กปฐมวัย
•กิจกรรมการเล่นของเล่นสำหรับเด็กวัย
0 - 1 ปี เด็กวัยนี้จะเรียนรู้
จากการกระตุ้นประสาทสัมผัสให้เกิดการรับรู้และตอบสนองสิ่งเร้ารอบ
ตัวจากผู้อยู่ใกล้ชิด
•กิจกรรมการเล่นและของเล่นสำหรับเด็ก
1 - 2 ปี เด็กวัยนี้จะเรียรู้
จากการใช้ประสาทสัมผัสในการรับรู้
และมีการกระทำซ้ำ ๆ แบบลอง
ผิดลองถูกกับส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
กิจกรรมการเล่นที่ควรจัดให้
การเล่นสำรวจที่ใช้ประสาทสัมผัส
และการเคลื่อนไหวอวัยวะต่าง ๆ
•กิจกรรมการเล่นและของเล่นสำหรับเด็กวัย
2 - 4 ปี เด็กวัยนี้จะ
เรียนรู้จากการสังเกต
เลียนแบบและซักถามทำความรู้จักกับสิ่งต่างๆ
รอบตัวจากผู้ใหญ่
•กิจกรรมการเล่นและของเล่นสำหรับเด็กวัย
4 - 6 ปี เด็กวัยนี้จะ
เรียนรู้จากการใช้ภาษาสื่อความหมายความเข้าใจกับผู้อื่น
และการใช้
เหตุผลในการทำความเข้าใจกับสิ่งต่างๆ
ประโยชน์ของการจัดกิจกรรม
เด็กปฐมวัย
เป็นวัยที่ต้องการออกมาสัมผัสกับโลกภายนอกมากขึ้น
เริ่มมีสังคมนอกบ้าน
เด็กจะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวด้วย
ความกระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็น และมักมีจินตนาการ
ของตนเอง
เด็กจะเรียนรู้ภาษาและคำพูดได้เร็ว
ชอบเลียนแบบในขณะเดียวกันก็
ต้องการอิสระ อยากพึ่งตนเอง
และต้องการทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วย
ตนเอง
กิจกรรมของเด็กปฐมวัยจึง
มีความสำคัญมาก
•การเลือกสื่อสำหรับเด็กปฐมวัยควรเน้นพัฒนาการทั้ง
4
•ส่วนการทำกิจกรรมต่าง ๆ
ควรปล่อยให้เด็กเป็นตัวของตัวเองและ
กระตุ้นให้เด็กได้
ใช้ความสามารถแสดงออกให้มากที่สุดเท่าที่เขา
ปรารถนาควรให้ความสนใจในกิจกรรมของเขา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น